ตาข่ายกรองแสง จัดว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่มีความสำคัญกับการเพาะปลูกอย่างยิ่ง เป็นเทคนิคที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืช ทำให้พืชแข็งแรงและสมบูรณ์
เมื่อพืชเติบโตไว ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในระยะเวลาไม่นาน ที่สำคัญ ผลผลิตที่ได้จากแปลงที่ใช้ตาข่ายกรองแสง จะมีความสมบูรณ์ มีคุณภาพสูง ได้น้ำหนักดี เมื่อนำไปขายก็ได้ราคาดี
กล่าวได้ว่า ตาข่ายกรองแสงเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตร และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย
ใช้ ตาข่ายกรองแสง ในการเพาะปลูกช่วยให้พืชเติบโตดีได้อย่างไร?
หลายคนสงสัยว่าแค่ใช้ตาข่ายกรองแสงก็เหมือนปลูกสำเร็จไปแล้ว 50% ได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบให้ค่ะว่าการใช้ตาข่ายกรองแสงจะช่วยให้การเพาะปลูกของคุณง่ายขึ้น และผลผลิตดีขึ้นได้อย่างไร มาดูกันค่ะ
1. ช่วยจัดระเบียบพื้นที่เพาะปลูกให้ดูแลง่ายและทั่วถึง
การเกษตรทั่วไปมักใช้พื้นที่กว้างเพื่อทำแปลงเพาะปลูก ซึ่งแปลงปลูกก็จะกระจายตัวกันออกไป ทำให้บางครั้งพื้นที่ดูไม่เป็นระบบระเบียบ
การไม่จัดระเบียบแปลงปลูกจะส่งผลให้การดูแลอาจทำได้ไม่ทั่วถึง หรือบางแปลงรดน้ำแล้วรดน้ำอีก เพราะเส้นทางเดินระหว่างแปลงไม่เป็นระเบียบหรือทับซ้อนกัน
การใช้ตาข่ายกรองแสงสร้างโรงเรือน หรือทำหลังตาคลุมแปลง จะช่วยจัดระเบียบพื้นที่แปลงปลูกให้เป็นระเบียบมากขึ้น การดูแลทำได้อย่างเป็นระบบ ไม่ซ้ำซ้อน สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง
ตาข่ายกรองแสงบางยี่ห้อ บางรุ่น มีให้เลือกมากกว่า 1 สี ยิ่งถ้าเป็นตาข่ายกรองแสงที่ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพอย่าง HDPE มีคุณสมบัติเหนียวและยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถนำมาขึงคลุมแปลงเพาะปลูกได้หลายลักษณะ เกษตรกรผู้เพาะปลูกสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการแบ่งเขตเพื่อจัดระบบการดูแลได้ เช่น เขตของพืชชอบน้ำต้องรดน้ำทุกวัน เขตของพืชไม่ชอบน้ำ รดน้ำวันเว้นวัน เป็นต้น ทำให้ผู้เพาะปลูกทำงานได้ง่ายและเป็นระบบมากขึ้น
2. ควบคุมปัจจัยหลักในการเจริญเติบโตของพืชได้
ปัจจัยหลักในการเติบโตของพืชทุกชนิด คือ แร่ธาตุ น้ำ อากาศ แสงแดด และ อุณหภูมิ ซึ่งการใช้ตาข่ายกรองแสงจะช่วยให้ผู้เพาะปลูกสามารถควบคุมปัจจัยหลักนี้ได้ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
ปัจจัยที่ตาข่ายกรองแสงควบคุมได้ทางตรง คือ อากาศ แสงแดด และอุณหภูมิ
ตาข่ายกรองแสงในปัจจุบันมีการคิดค้นและพัฒนาการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในท้องตลาดมีตาข่ายกรองแสงหลากหลายรูปแบบ แต่ละแบบมีความแตกต่างกันทั้งวัสดุ ลักษณะการถัก-ทอ ความถี่ห่างและความหนาบางของตาข่าย ซึ่งทั้งหมดสัมพันธ์กันกับปริมาณของแสง การระบายอากาศ และ อุณหภูมิ ที่พืชจะได้รับ
ปัจจัยที่ตาข่ายกรองแสงควบคุมได้ทางอ้อม คือ แร่ธาตุ และ น้ำ
ตาข่ายกรองแสงที่มีความพิเศษอย่างตาข่ายกรองแสงของ Supreme Shading Net จะมีคุณลักษณะพิเศษที่ตาข่ายกรองแสงทั่วไปไม่มี คือ ช่วยลดปริมาณและแรงปะทะของน้ำฝนที่ตกลงมาสู่แปลงปลูกได้
ฝนที่ตกหนักจะทำให้พืชได้รับน้ำมากเกินไป หากแปลงไม่มีระบบระบายน้ำที่ดี ปล่อยให้น้ำท่วมแปลงก็จะสร้างความเสียหายแก่พืชและแปลงปลูก เช่น พืชตาย รากเน่า ใบเป็นเชื้อรา ฯลฯ
การแก้ปัญหาด้วยการใช้ตาข่ายกรองแสง จะช่วยลดปริมาณน้ำที่พืชได้รับ ช่วยชะลอปริมาณน้ำทำให้ระบบระบายน้ำทำงานได้อย่างปกติ น้ำไม่ท่วมแปลงปลูก
นอกจากนี้ แรงของน้ำฝนที่ตกกระทบอาจทำให้กิ่ง ใบ ลำต้น หรือ ผลผลิต เสียหายได้ด้วย แต่ด้วยตาข่ายกรองแสงของ Supreme Shading Net ที่ผลิตจากวัสดุ HDPE คุณภาพสูง จะมีความยืดหยุ่น ช่วยลดแรงปะทะ ทำให้หมดกังวลกับปัญหานี้
และถ้าเราสามารถป้องกันน้ำท่วมแปลงได้ ปัญหาที่น้ำจะชะล้างแร่ธาตุหน้าดินก็จะหมดไปด้วย เรียกได้ว่าป้องกันเพียงครั้งเดียวได้ประโยชน์สองทาง
3. ควบคุมคุณภาพผลผลิตได้
เคยเห็นมั้ยคะที่ผลผลิตจากฟาร์มเดียวกัน แต่กลับมีขนาดต่างกัน สีสันต่างกัน และส่งผลต่อรสชาติ (ผัก/ผลไม้) ให้แตกต่างกันไปด้วย
นั่นคือปัญหาของผู้ที่เพาะปลูกโดยไม่ใช้ตาข่ายกรองแสงค่ะ ทำให้ผู้ปลูกไม่สามารถควบคุมปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชตามที่บอกไว้ในข้อ 2 ได้
พืชจึงเติบโตโดยต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อม ความร้อน ฝนตก แดดแรง ลมแรง ตามจริง จะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นกับพื้นที่ที่แปลงปลูกอยู่ ซึ่งไม่เป็นผลดีเลยเพราะทำให้ผลผลิตไม่แน่นอน คุมคุณภาพไม่ได้ เมื่อนำไปขายราคาก็ผันผวนไป รายได้ของเกษตรกรจึงไม่แน่นอน
แต่การปลูกพืชโดยใช้ตาข่ายกรองแสงจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอนค่ะ เพราะตาข่ายกรองแสงจะช่วยกรองแสงแดดให้ลอดผ่านเข้ามาสู่พืชผักของคุณในความเข้มข้นที่เท่ากัน ช่วยควบคุมอุณหภูมิ (ที่เกิดจากแสงแดดส่อง) ได้เท่ากันทั้งแปลง
พืชได้รับการปกป้องจากปริมาณน้ำฝน ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกันหมด ซึ่งจะส่งผลให้ พืชผักของคุณโตเร็ว ให้ผลงอกงามดี ผลผลิตที่ได้ก็มีคุณภาพเสมอกันตลอดทั้งแปลง ขายได้ราคาดี รายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรก็พลอยดีตามไปด้วย
หลักการเลือก ตาข่ายกรองแสง ให้เหมาะกับพืช
1) เลือกให้เหมาะกับชนิดของพืช
• พืชชอบแดดแรง อาทิ มะเขือเปราะ มะเขือยาว มะเขือเทศ พริก ฯลฯ ใช้ประมาณ 20% – 30%
• พืชชอบแดดปกติ จำพวกผักใบต่าง ๆ อย่าง ผักกาด คะน้า ผักบุ้ง หรือ ผักสลัดต่าง ๆ ใช้ประมาณ 50% – 60%
• พืชชอบแดดรำไร ได้แก่ ผักชีฝรั่ง ผักชี ต้นหอม แครอท ขึ้นฉ่าย วอเตอร์เครส เห็ดทุกชนิด ไม้ดอกไม้ประดับต่าง ๆ ฯลฯ เลือกใช้ตั้งแต่ 70% ขึ้นไป
• กล้วยไม้ มีหลักการเลือกตาข่ายกรองแสงตามสายพันธุ์ อ่านรายละเอียดเพิ่มได้ที่นี่
• อยากปลูก กระบองเพชร ขายให้รวยเร็ว อ่านรายละเอียดเพิ่มได้ที่นี่
2) เลือกให้เหมาะกับอายุของพืช
• เพาะเมล็ด – อนุบาลต้นกล้า ใช้ตาข่ายกรองแสง 70% – 80%
• ต้นโต ขึ้นกับชนิดของพืชในข้อ 1
การศึกษารายละเอียดและเลือกใช้ตาข่ายกรองแสงให้ตรงกับธรรมชาติของพืชพรรณที่เราปลูก จะช่วยให้ได้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพเพิ่มขึ้น ทำให้อาชีพเกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ ตลอดจนผู้เพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ประสบความสำเร็จได้ง่ายและเร็วขึ้นค่ะ
ปลูกพืชให้โตสวยเพียงแค่ใช้ตาข่ายกรองแสง Supreme Shading Net
อยากได้ตาข่ายกรองแสงคุณภาพดี มีรับประกันสินค้า เลือกใช้ตาข่ายกรองแสง ของSupreme Shading Net สิคะ ดูสินค้าคลิกที่นี่
****************************************************************************************************************
🌿Supreme Shading Net ไม่ว่าฤดูไหน ก็ทำการเกษตรได้‼️ ด้วยนวัตกรรมใหม่ สแลนพรางแสงกันฝนแบบ 2 in 1
👍ช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องจ่าย 2 ต่อ
👍เลือกพรางแสงได้ตั้งแต่ 20% – 50% ตามความต้องการของพืช
👍อายุการใช้งานนานถึง 10 ปี
👍มีจำหน่ายทั้งแบบปลีกสำหรับครัวเรือน
👍และยกม้วนสำหรับโรงเรือนขนาดใหญ่
เลือกดูสินค้าคลิกตรงนี้ได้เลย
สอบถามรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่
📞Line : @supremeshadingnet
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ✅www.supremeshadingnet.com
ข่าวสารโปรโมชั่นดี ๆ ที่ Facebook Supreme Shading Net คลิกที่นี่เลย
**************************************************************************************************************
#SupremeShadingNet #พลาสติกคลุมโรงเรือน #เกษตรโรงเรือน #พลาสติกกันแสง #พลาสติกกันฝน #พลาสติกกันแสงกันฝน2in1